วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สูตรน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ

น้ำผลไม้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดรองจากผลไม้จริง ๆ แต่บางทีก็ไม่ได้อุดมไปด้วยวิตามินอย่างที่คุณคิด เพราะคุณค่าทางอาหารของน้ำผลไม้ต่างกันไป ตามชนิดและยี่ห้อ
จริง ๆ แล้วมีอะไรอยู่ในน้ำผลไม้ที่คุณดื่ม
น้ำผลไม้นั้นมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่าผลไม้จริง ๆ อยู่แล้ว เมื่อนำผลไม้มาคั้น เส้นใย (ซึ่งเป็นแหล่งกากอาหารสูงสุด) และในกรณีผลไม้รสเปรี้ยว เมมเบรนของผลไม้ (ซึ่งเป็นแหล่งสารต้านมะเร็ง) จะสลายไปกับการคั้น วิตามินซี ซึ่งคุณคิดว่าเป็นสิ่งที่คุณด้รับมากที่สุด จากการดื่มน้ำผลไม้ก็ลดลงระหว่างกระบวนการการทำน้ำผลไม้ ยิ่งถ้าผลไม้นั้นมีวิตามินซีน้อยอยู่แล้ว เช่น แอปเปิ้ล เมื่อกระบวนการการทำน้ำผลไม้เสร็จลง วิตามินซีก็แทบไม่เหลืออยู่เลย
ถ้าผลไม้นั้นมีวิตามินซีมากอยู่แล้ว เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว น้ำผลไม้ที่ได้ก็จะมีคุณค่าทางอาหารมาก อย่างไรก็ตาม บางครั้งคุณค่าทางอาหาร เช่น วิตามินซี ก็ถูกเติมลงไปในน้ำผลไม้ชนิดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่า คุณควรตรวจฉลากแสดงคุณค่าทางอาหาร เพราะน้ำแอปเปิ้ลหรือองุ่นยี่ห้อหนึ่งอาจมีวิตามินถึง 100% ของปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน ในขณะที่ยี่ห้ออื่นอาจมีน้อยกว่าหรือไม่มีเลย
ขนาดภาชนะบรรจุน้ำผลไม้มีผลต่อปริมาณวิตามินซี น้ำส้ม Tropicana Pure Premium Original 8 ออนซ์ ที่บรรจุในกล่องขนาดครึ่งแกลลอนมีปริมาณวิตามินซี 120% ของปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน ในขณะที่น้ำส้มแบบเดียวกันแต่มาจากกล่องขนาด 1 ควอร์ท มีปริมาณวิตามินซีเพียงครึ่งเดียว คือ 60% เท่านั้น และในกล่องขนาดเล็ก 6 ออนซ์ก็มีวิตามินซีเพียง 15% คุณคงสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร คำตอบก็คือ ปริมาณวิตามินซีลดลงเมื่อสัมผัสกับออกซิเจน และน้ำผลไม้ที่บรรจุในกล่องขนาดเล็ก จะสัมผัสกับออกซิเจนมากกว่าทั้งระหว่างและหลังจากการบรรจุ
น้ำผลไม้ที่โฆษณาว่ามีส่วนผสมของน้ำผลไม้ถึง 100% อาจไม่มีคุณค่าทางอาหารมากขนาดนั้นก็ได้ น้ำผลไม้ที่โฆษณาเช่นนี้มักเป็นส่วนผสมสารสกัดน้ำผลไม้พวกองุ่นขาว แอปเปิ้ล หรือแพร์ ซึ่งมีคุณค่าทางอาหารและรสชาติต่ำ และไม่ต่างอะไรจากสารให้ความหวานธรรมดา
แม้กระทั่งน้ำผลไม้ผสมที่ดูแปลกอย่างน้ำส้ม/สตรอเบอร์รี่/กล้วย และส้มกับมะม่วง หรือกระทั่งแอปเปิ้ลกับราสเบร์รี่ ก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไรด้านคุณค่าทางอาหาร
คุณไม่ได้รับผลไม้มากนักจาก "ค็อกเทลน้ำผลไม้" หรือ "เครื่องดื่มน้ำผลไม้" เพราะน้ำผลไม้เหล่านี้มักมีแต่น้ำและน้ำตาลฟรุกโตสเป็นส่วนผสมหลัก แต่ในกรณีของค็อกเทลแครนเบอร์รี่อาจมีคุณค่ามากเนื่องจากมีการเพิ่มวิตามินซีลงไป
เมื่อเปิดแล้ว น้ำผลไม้จะเสียคุณค่าทางอาหาร เพราะฉะนั้นอย่าเก็บไว้ในตู้เย็นนานเกินไป น้ำผลไม้ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ เช่น น้ำส้ม เกรปฟรุต และผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สับปะรดจะคงคุณค่าทางอาหารและรสชาติได้นาน 7-10 วัน น้ำผลไม้ที่รสเปรี้ยวน้อยกว่าเช่น แอปเปิ้ลและองุ่นจะคงคุณค่าทางอาหารและรสชาติได้นาน 1 สัปดาห์ หากคุณซื้อน้ำผลไม้ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ จึงควรดื่มให้หมดภายใน 1 สัปดาห์
น้ำผลไม้ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออาจไม่ปลอดภัย เนื่องจากการแพร่ของเชื้อแบคทีเรีย E Coli ที่พบในน้ำแอปเปิ้ลและสละที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ รวมทั้งพิษ Salmonella ในน้ำส้มที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ องค์การอาหารและยาจึงแนะให้ติดป้ายเตือนไว้ที่กล่องน้ำผลไม้ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ อัตราการเสี่ยงในผู้ใหญ่อาจต่ำ แต่ในเด็กและผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้ภูมิต้านทานต่ำ (เช่น หญิงมีครรภ์) นั้นไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ เนื่องจากไม่มีการใช้ความร้อนเพื่อฆ่าแบคทีเรีย น้ำผลไม้เกือบทั้งหมดที่ขายในท้องตลาด ยกเว้นชนิดที่คั้นสด ๆ ล้วนแต่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว แต่น้ำผลไม้จากผู้ค้ารายเล็ก ๆ อาจไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ หากคุณสงสัยจึงควรถามให้แน่ใจ
เมื่อคุณคั้นน้ำผลไม้ที่บ้าน ล้างผลไม้ให้สะอาดด้วยน้ำเย็นเพื่อล้างแบคทีเรีย และล้างที่คั้นด้วยสบู่และน้ำร้อนทุกครั้งที่ใช้
ถ้าคุณต้องการน้ำผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ควรเลือกแต่น้ำผลไม้แบบไม่ผสม เช่น น้ำส้มหรือเกรปฟรุตล้วน ๆ หรือลองน้ำผลไม้รสเปรี้ยวที่มีการผสมวิตามินเอ ซี และอี หรือแม้กระทั่งแคลเซียม
เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทำด้วยผลไม้ดีกับสุขภาพจริงหรือ
อย่าพึ่งน้ำผลไม้จนเกินไป เมื่อคุณอ่านฉลากคุณค่าทางอาหารและเลือกอย่างระมัดระวัง น้ำผลไม้อาจมีประโยชน์มาก แต่การรับประทานผลไม้สักชิ้นสองชิ้นอาจมีประโยชน์ยิ่งกว่าน้ำผลไม้ เพราะต่อให้น้ำผลไม้ชนิดเยี่ยมที่สุดก็ยังต้องถอยเมื่อเจอคุณค่าของผลไม้จริง ๆ



น้ำแตงโม
ส่วนผสม
เนื้อแตงโม 50 กรัม ( 5 ช้อน)
น้ำเชื่อม 15 กรัม ( 1 ช้อน)
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม (1/5ช้อนชา)
น้ำเปล่าต้มสุก 150 กรัม (10 ช้อน)
วิธีทำ
นำเนื้อแตงโม น้ำ น้ำเชื่อม เกลือ ใส่ในเครื่องปั่น นำไปปั้นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ

ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา และวิตามินซี ช่วย ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
คุณค่าทางยา ช่วยขับปัสสาวะ ปากเป็นแผล แก้ร้อนใน แก้ กระหายน้ำ



ส่วนผสม

ดอกกระเจี๊ยบสด/แห้ง 20 กรัม (5 ดอก)
น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อน)
น้ำเปล่า 200 กรัม (14 ช้อน)
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5 ช้อน)

วิธีทำ
1 เอาดอกกระเจี๊ยบสดหรือแห้งก็ได้ ล้างน้ำทำความสะอาดนำใส่หม้อ ต้มจนเดือด แล้วลดไฟลงอ่อน ๆ เคี่ยวเรื่อย ๆ จนน้ำเป็นสีแดง จนเข้มข้น
2. เอาดอกกระเจี๊ยบขึ้นจากหม้อต้ม แล้วเอาน้ำเชื่อมและเกลือใส่ลงไป ปล่อยให้น้ำกระเจี๊ยบเดือด 1 นาที ก็ยกลง ชิมรสตามใจชอบ
3. เอาขวดมาล้างทำความสะอาด ต้มในน้ำเดือด 20 นาที นำ น้ำกระเจี๊ยบแดงมากรอก แล้วปิดจุกให้แน่น เก็บไว้ได้นาน (ควร แช่ในตู้เย็น)
หรืออีกวิธีหนึ่ง นำดอกกระเจี๊ยบมาตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผง นำผงกระเจี๊ยบครั้งละ 1 ช้อนชา ชงในน้ำเดือด 1 ถ้วย (250 มิลลิกรัม )

ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ

คุณค่าทางอาหารให้วิตามินเอสูงมาก ซึ่งช่วยบำรุงสายตารอง ลงมามีแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
คุณค่าทางยาช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต เป็นยาระบาย อ่อนๆ และช่วยแก้อาการกระหายน้ำ
-




น้ำฝรั่ง
ฝรั่งแก่จัด (หันชินเล็ก ๆ) 30 กรัม (2 ช้อน)
น้ำต้มสุก 200 กรัม (14 ช้อน)
น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อน)
เกลือป่นเล็กน้อย 2 กรัม (2/5 ช้อนชา)

วิธีทำ
เลือกฝรั่งที่แก่จัด ล้างน้ำสะอาด ฝานเฉพาะเนื้อชิ้นเล็ก ๆ นำใส่เครื่องปั่น เติมน้ำสุก ปั่นจนละเอียด แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เติมน้ำเชื่อมและเกลือป่นเล็กน้อย ชิมรสตามใจชอบ

ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และมีสารเบต้า-คาโรทีน ช่วยลดสารพิษในร่างกาย ทั้งยังป้องกันไม่ให้ไขมันจับที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดแข็งตัว

คุณค่าทางยา ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วย เส้นเลือดอุดตัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น